11/25/2553

ข้าวต้มปลาสับกับผักโขม



ผักโขมให้พลังงานต่ำแต่มีวิตามินสูง ผักโขม 1 ถ้วย มีวิตามินเคและวิตามินเอสูงกว่าปริมาณที่ร่างกายต้องการในหนึ่งวัน ผักโขมมีแมงกานีสและโฟเลตเกือบเท่ากับปริมาณที่ร่างกายต้องการและมีแมกนีเซียมประมาณ 40 เปอร์เซ็นต์ที่ร่างกายต้องการ
เมนูข้าวต้มปลาสับกับผักโขมนี้จะช่วยให้ลูกน้อยอิ่มสบายท้อง ได้โปรตีนจากเนื้อปลาที่ย่อยง่าย และผักโขมที่มีวิตามินและโฟเลตสูง
ข้าวต้มปลาสับกับผักโขม
ส่วนผสม
- ข้าวสวย 1 ช้อนโต๊ะ
- ปลากะพงหั่นชิ้นเล็ก 1 ช้อนโตะ
- มันฝรังสับ 1 ช้อนโต๊ะ
- ผักโขมสับ 1/2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำซุป 1ถ้วย
- ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนชา

วิธีทำ
1.ลวกเนื้อปลาพอสุก (อย่าให้แข็งมาก) พักไว้ก่อน
2. ต้มน้ำซุปกับมันฝรั่งจนสุกด้วยไฟปานกลาง ใส่ข้าวสวยลงไป พอน้ำเดือดอีกครั้ง ใส่เนื้อปลา
และผักโขม ปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาว รอจนสุกทั่วจึงยกลง

11/16/2553

น้ำปริมาณเท่าไหร่ ที่เพียงพอสำหรับลูกน้อย

เด็กดื่มน้ำ
น้ำเป็นองค์ประกอบสำคัญในร่างกายคนทุกคน เพื่อช่วยให้เซลล์และระบบต่างๆในร่างกายทำงานได้อย่างเป็นปกติ ในผู้ใหญ่นั้นควรดื่มน้ำ อย่างวันละ 8 แก้ว แล้วในเด็ก

ในเด็กเล็กๆช่วงขวบปีแรกล่ะ ลูกน้อยต้องการน้ำมากน้อยเพียงใด

เด็กบางคนกินนมแล้วไม่กินน้ำ บางคนกินน้ำแต่กินนิดๆหน่อยๆวันหนึ่งไม่ถึงแก้วด้วยซ้ำ แบบนี้ลูกจะได้ "น้ำ" เพียงพอหรือไม่

"น้ำ" ในที่นี้หมายถึงของเหลวที่ร่างกายต้องการ ซึ่งก็รวมไปถึง นม และน้ำผลไม้ด้วย ในวันหนึ่งๆลูกต้องการของเหลวประมาณ 15 เปอร์เซ็นต์ของน้ำหนักตัว ลองดูตัวอย่างการคำนวณว่าใน 1 วันลูกต้องการของเหลวเท่าไหร่ที่เหมาะสม

ถ้าลูกหนัก 20 ปอนด์ ลูกต้องการของเหลว = 0.15 x 20 = 3 ปอนด์ (48 ออนซ์) แสดงว่าใน 1 วันลูกน้อย ควรได้รับ นม 32 ออนซ์ น้ำผลไม้ 2-4 ออนซ์และน้ำเปล่า 2 ออนซ์ = 36-38 ออนซ์ ส่วนที่เหลือลูกจะได้รับจากอาหารเสริมในแต่ละมื้อด้วย

**หมายเหตุ: 2.2 ปอนด์ = 1 กิโลกรัม

เพราะฉะนั้นถ้านับนมเป็นส่วนหนึ่งของน้ำที่ร่างกายลูกต้องการ ก็ไม่ต้องห่วงว่าลูกจะได้รับน้ำไม่เพียงพอ แต่สาเหตุที่เวลาให้นมลูกควรให้น้ำด้วยเพราะเป็นการฝึกให้ลูกรู้จักกินน้ำเปล่า ที่สำคัญเป็นการล้างคราบนมที่ติดค้างอยู่ในช่องปากและลดฝ้าขาวตามผนังช่องปากด้านบนที่เกิดจากการกินนมด้วย


น้ำสะอาด...เริ่มเมื่อไหร่ดี

ถ้าให้ดีก็ควรเริ่มตั้งแต่แรกเกิด ควรให้ตามหลังมื้อนมหรือระหว่างมื้อนมเลยก็ได้ค่ะ โดยเฉพาะในช่วงที่เริ่มให้อาหารเสริม ควรป้อนน้ำสะอาดให้ลูกระหว่างป้อนอาหารด้วย เริ่มให้ประมาณ 1 ช้อนชาก่อนและหลังกินอาหารเสร็จ(และก่อนให้นม) แล้วค่อยๆเพิ่มให้ได้ ปริมาณ 4-6 ออนซ์ต่อวัน ถ้าได้ปริมาณขนาดนี้ถือว่าเยี่ยมยอดเลย


น้ำดื่มของเด็กๆ โดยเฉพาะในวัยทารกแบบนี้ สิ่งสำคัญที่สุดคือ ความสะอาด ควรให้ลูกดื่มน้ำต้มสุกดีที่สุดเพราะแบคทีเรียจะถูกฆ่าเชื้อจากกระบวนความร้อน และควร เปลี่ยนน้ำบ่อยๆก่อนให้ลูกดูด ไม่ใช่ใช้น้ำค้างเก่าในขวดไปจนกว่าลูกจะกินหมดแล้วค่อยเปลี่ยน ถ้าเป็นอย่างนี้ลูกมีโอกาสได้รับเชื้อโรคและอาจปวดท้องหรือท้องเสียได้
น้ำต้มสุกที่ให้ลูกกินควรเก็บไว้ในตู้เย็นเพราะช่วยหยุดการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรียได้ แต่ไม่ควรเก็บไว้เกิน 1-2 วัน


น้ำผลไม้...สำคัญพอๆกัน
-น้ำผลไม้เป็นส่วนหนึ่งของน้ำที่จำเป็นต่อร่างกายของลูก ถ้าให้ดีควรเริ่มให้แกกินน้ำผลไม้เมื่อมีอายุ 6-7 เดือนไปแล้ว
-ควรเลือกผลไม้ที่มีรสชาติอ่อนๆก่อน เช่น แอปเปิ้ล องุ่น มะละกอ ฯลฯ
-ควรล้างให้สะอาด ระวังเรื่องยาฆ่าแมลงตกค้างให้มากๆด้วยค่ะ(ควรแช่น้ำทิ้งไว้สัก 15-20 นาที ก่อนนำไปคั้นให้ลูก)
-ควรให้ลูกกินหลังจากคั้นเสร็จใหม่ๆเลย ไม่ควรวางทิ้งไว้นาน
-ดื่มน้ำเปล่าตามทุกครั้งเพื่อล้างคราบน้ำตาลที่อยู่ตามซอกฟันและในช่องปาก
อย่าลืมว่าปริมาณของน้ำผลไม้ที่ให้ในแต่ละวันไม่ควรเกิน 3-4 ออนซ์ถ้ามากกว่านั้นมีผลเสียคะเพราะจะทำให้กินนมได้น้อยลง ซึ่งนมมีคุณค่าต่อร่างกายของลูกมากกว่าน้ำผลไม้มากมายนักและทดแทนกันไม่ได้เลย
-คุณพ่อคุณแม่บางคนใช้วิธีเติมน้ำตาลลงไปในน้ำเปล่าเพื่อช่วยให้ลูกกินน้ำเปล่ามากขึ้น แต่วิธีนี้ต้องห้ามค่ะ เพราะนอกจากจะทำให้ลูกติดรสหวานแล้ว เชื้อโรคก็ชอบน้ำตาลด้วยเหมือนกัน ทำให้มีโอกาสเพิ่มจำนวนมากขึ้นในเวลาอันรวดเร็ว
-เวลาให้ลูกกินน้ำผลไม้ควรให้ดื่มจากแก้วเพราะการให้ลูกดูดจากขวดนมทำให้ความหวานตกค้างอยู่ในช่องปากและตามซอกฟันของลูกเป็นเวลานาน มีโอกาสฟันผุได้ง่าย


ขอบคุณข้อมูลจาก
:http://www.momypedia.com/