12/14/2553

ซุปเต้าหู้อ่อน

วันนี้เรามาลองทำ เมนู “ซุปเต้าหู้อ่อน” ก่อนอื่นมาดุคุณค่าทางโภชนาการ จากส่วนประกอบหลักจานนี้กัน
กันก่อน
ซุปเต้าหู้อ่อน


เนื้อปลาช่อน: มีโปรตีนสูง ย่อยง่าย เนื้อปลาช่อนจะมีไขมันต่ำกว่าร้อยละ 2 โปรตีนในเนื้อปลามีอยู่คิดเป็นร้อยละ 16 – 28 ไขมันในตัวปลาประกอบด้วยไขมันอิ่มตัวเป็นส่วนมาก ปลาเป็นแหล่งของแร่ธาตุโดยเฉพาะไอโอดีน ปริมาณเหล็กต่ำกว่าที่พบในเนื้อสัตว์ ปลาเป็นแหล่งวิตามิน วิตามินที่พบจะแตกต่างกันตามชนิดของปลาหรือส่วนต่างๆ ของปลา ส่วนของไขมันและน้ำมันตับปลาจะเป็นแหล่งวิตามินที่ละลายได้ในไขมัน คือพวก วิตามินเอ ดี อี เค กล้ามเนื้อปลาเป็นแหล่งของวิตามิน


เต้าหู้อ่อน: เป็นเต้าหู้ที่มีเนื้ออ่อนนุ่ม มีสีขาวนวลกลิ่นหอม มีให้เลือกทั้งแบบก้อนบาง และก้อนหนา เป็นผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลืองให้โปรตีน


ส่วนผสม
- เนื้อปลาช่อนสับละเอียด 2 ช้อนโต๊ะ
- เต้าหู้ขาวหรือเต้าหู้ไข่หั่นชิ้นเล็ก 2 ช้อน โต๊ะ
-น้ำซุป 2 ถ้วย
- แป้งข้าวโพด 2 ช้อนชา ละลายกับน้ำ 1 ช้อน โต๊ะ
- ซิอิ๊วขาว 1 ช้อนชา
- ผักชีสับละเอียด 1 ต้น

วิธีทำ
1. ลวกปลาพอสุก พักไว้ก่อน
2.ต้มน้ำซุปด้วยไฟกลาง พอน้ำเดือดใส่ปลา เต้าหู้และซีอิ๊วาขาว
3.ใส่แป้งข้าวโพด คนๆพอแป้งสุก ยกลง

12/08/2553

ข้าวผัดปลา

เมนูเด็กวันนี้ ขอเสนอ ข้าวผัดปลา เพราะเนื้อปลามีโปรตีนสูงและเนื้อปลาย่อยง่าย เหมาะสำหรับลูกน้อย
ส่วนผสมอื่นๆก็มีไข่ไก่และแครอท ถั่วลันเตา ทำๆได้ง่ายๆในเวลาเร่งด่วน อุดมไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการ


ข้าวผัดปลา



ส่วนผสม
- ข้าวสวย 1/2 ถ้วย
- เนื้อปลากะพงหั่นชิ้นเล็ก 1ช้อนโต๊ะ
- ไข่ไก่ 1 ฟอง
- น้ำมันพืช 2 ช้อนชา
- ถั่วลันเตา 1 /2 ช้อนโตะ
- แครอตหั่นสี่เหลียมลูกเต๋า 1 /2 ช้อนโต๊ะ
- ต้นหอมหั่นฝอย 1 ช้อนชา
- ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนชา
- น้ำตาลทรายนิดหน่อย

วิธีทำ
1. ตั้งกระทะ ใส่น้ำมันให้ร้อน นำเนื้อปลาลงผัดให้สุกพอดี


2.ต่อยไข่ไก่ใส่ลงไปในกระทะ ตีไข่พอแตก ใส่ข้าวสวย ถั่าลันเตา และแครอท ผัดให้เข้ากัน


3.ปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาวและน้ำตาลทราย ใส่ต้นหอม ผัดคลุกเคล้าให้เข้ากันยกลง พร้อมเสิร์ฟได้ทันที

11/25/2553

ข้าวต้มปลาสับกับผักโขม



ผักโขมให้พลังงานต่ำแต่มีวิตามินสูง ผักโขม 1 ถ้วย มีวิตามินเคและวิตามินเอสูงกว่าปริมาณที่ร่างกายต้องการในหนึ่งวัน ผักโขมมีแมงกานีสและโฟเลตเกือบเท่ากับปริมาณที่ร่างกายต้องการและมีแมกนีเซียมประมาณ 40 เปอร์เซ็นต์ที่ร่างกายต้องการ
เมนูข้าวต้มปลาสับกับผักโขมนี้จะช่วยให้ลูกน้อยอิ่มสบายท้อง ได้โปรตีนจากเนื้อปลาที่ย่อยง่าย และผักโขมที่มีวิตามินและโฟเลตสูง
ข้าวต้มปลาสับกับผักโขม
ส่วนผสม
- ข้าวสวย 1 ช้อนโต๊ะ
- ปลากะพงหั่นชิ้นเล็ก 1 ช้อนโตะ
- มันฝรังสับ 1 ช้อนโต๊ะ
- ผักโขมสับ 1/2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำซุป 1ถ้วย
- ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนชา

วิธีทำ
1.ลวกเนื้อปลาพอสุก (อย่าให้แข็งมาก) พักไว้ก่อน
2. ต้มน้ำซุปกับมันฝรั่งจนสุกด้วยไฟปานกลาง ใส่ข้าวสวยลงไป พอน้ำเดือดอีกครั้ง ใส่เนื้อปลา
และผักโขม ปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาว รอจนสุกทั่วจึงยกลง

11/16/2553

น้ำปริมาณเท่าไหร่ ที่เพียงพอสำหรับลูกน้อย

เด็กดื่มน้ำ
น้ำเป็นองค์ประกอบสำคัญในร่างกายคนทุกคน เพื่อช่วยให้เซลล์และระบบต่างๆในร่างกายทำงานได้อย่างเป็นปกติ ในผู้ใหญ่นั้นควรดื่มน้ำ อย่างวันละ 8 แก้ว แล้วในเด็ก

ในเด็กเล็กๆช่วงขวบปีแรกล่ะ ลูกน้อยต้องการน้ำมากน้อยเพียงใด

เด็กบางคนกินนมแล้วไม่กินน้ำ บางคนกินน้ำแต่กินนิดๆหน่อยๆวันหนึ่งไม่ถึงแก้วด้วยซ้ำ แบบนี้ลูกจะได้ "น้ำ" เพียงพอหรือไม่

"น้ำ" ในที่นี้หมายถึงของเหลวที่ร่างกายต้องการ ซึ่งก็รวมไปถึง นม และน้ำผลไม้ด้วย ในวันหนึ่งๆลูกต้องการของเหลวประมาณ 15 เปอร์เซ็นต์ของน้ำหนักตัว ลองดูตัวอย่างการคำนวณว่าใน 1 วันลูกต้องการของเหลวเท่าไหร่ที่เหมาะสม

ถ้าลูกหนัก 20 ปอนด์ ลูกต้องการของเหลว = 0.15 x 20 = 3 ปอนด์ (48 ออนซ์) แสดงว่าใน 1 วันลูกน้อย ควรได้รับ นม 32 ออนซ์ น้ำผลไม้ 2-4 ออนซ์และน้ำเปล่า 2 ออนซ์ = 36-38 ออนซ์ ส่วนที่เหลือลูกจะได้รับจากอาหารเสริมในแต่ละมื้อด้วย

**หมายเหตุ: 2.2 ปอนด์ = 1 กิโลกรัม

เพราะฉะนั้นถ้านับนมเป็นส่วนหนึ่งของน้ำที่ร่างกายลูกต้องการ ก็ไม่ต้องห่วงว่าลูกจะได้รับน้ำไม่เพียงพอ แต่สาเหตุที่เวลาให้นมลูกควรให้น้ำด้วยเพราะเป็นการฝึกให้ลูกรู้จักกินน้ำเปล่า ที่สำคัญเป็นการล้างคราบนมที่ติดค้างอยู่ในช่องปากและลดฝ้าขาวตามผนังช่องปากด้านบนที่เกิดจากการกินนมด้วย


น้ำสะอาด...เริ่มเมื่อไหร่ดี

ถ้าให้ดีก็ควรเริ่มตั้งแต่แรกเกิด ควรให้ตามหลังมื้อนมหรือระหว่างมื้อนมเลยก็ได้ค่ะ โดยเฉพาะในช่วงที่เริ่มให้อาหารเสริม ควรป้อนน้ำสะอาดให้ลูกระหว่างป้อนอาหารด้วย เริ่มให้ประมาณ 1 ช้อนชาก่อนและหลังกินอาหารเสร็จ(และก่อนให้นม) แล้วค่อยๆเพิ่มให้ได้ ปริมาณ 4-6 ออนซ์ต่อวัน ถ้าได้ปริมาณขนาดนี้ถือว่าเยี่ยมยอดเลย


น้ำดื่มของเด็กๆ โดยเฉพาะในวัยทารกแบบนี้ สิ่งสำคัญที่สุดคือ ความสะอาด ควรให้ลูกดื่มน้ำต้มสุกดีที่สุดเพราะแบคทีเรียจะถูกฆ่าเชื้อจากกระบวนความร้อน และควร เปลี่ยนน้ำบ่อยๆก่อนให้ลูกดูด ไม่ใช่ใช้น้ำค้างเก่าในขวดไปจนกว่าลูกจะกินหมดแล้วค่อยเปลี่ยน ถ้าเป็นอย่างนี้ลูกมีโอกาสได้รับเชื้อโรคและอาจปวดท้องหรือท้องเสียได้
น้ำต้มสุกที่ให้ลูกกินควรเก็บไว้ในตู้เย็นเพราะช่วยหยุดการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรียได้ แต่ไม่ควรเก็บไว้เกิน 1-2 วัน


น้ำผลไม้...สำคัญพอๆกัน
-น้ำผลไม้เป็นส่วนหนึ่งของน้ำที่จำเป็นต่อร่างกายของลูก ถ้าให้ดีควรเริ่มให้แกกินน้ำผลไม้เมื่อมีอายุ 6-7 เดือนไปแล้ว
-ควรเลือกผลไม้ที่มีรสชาติอ่อนๆก่อน เช่น แอปเปิ้ล องุ่น มะละกอ ฯลฯ
-ควรล้างให้สะอาด ระวังเรื่องยาฆ่าแมลงตกค้างให้มากๆด้วยค่ะ(ควรแช่น้ำทิ้งไว้สัก 15-20 นาที ก่อนนำไปคั้นให้ลูก)
-ควรให้ลูกกินหลังจากคั้นเสร็จใหม่ๆเลย ไม่ควรวางทิ้งไว้นาน
-ดื่มน้ำเปล่าตามทุกครั้งเพื่อล้างคราบน้ำตาลที่อยู่ตามซอกฟันและในช่องปาก
อย่าลืมว่าปริมาณของน้ำผลไม้ที่ให้ในแต่ละวันไม่ควรเกิน 3-4 ออนซ์ถ้ามากกว่านั้นมีผลเสียคะเพราะจะทำให้กินนมได้น้อยลง ซึ่งนมมีคุณค่าต่อร่างกายของลูกมากกว่าน้ำผลไม้มากมายนักและทดแทนกันไม่ได้เลย
-คุณพ่อคุณแม่บางคนใช้วิธีเติมน้ำตาลลงไปในน้ำเปล่าเพื่อช่วยให้ลูกกินน้ำเปล่ามากขึ้น แต่วิธีนี้ต้องห้ามค่ะ เพราะนอกจากจะทำให้ลูกติดรสหวานแล้ว เชื้อโรคก็ชอบน้ำตาลด้วยเหมือนกัน ทำให้มีโอกาสเพิ่มจำนวนมากขึ้นในเวลาอันรวดเร็ว
-เวลาให้ลูกกินน้ำผลไม้ควรให้ดื่มจากแก้วเพราะการให้ลูกดูดจากขวดนมทำให้ความหวานตกค้างอยู่ในช่องปากและตามซอกฟันของลูกเป็นเวลานาน มีโอกาสฟันผุได้ง่าย


ขอบคุณข้อมูลจาก
:http://www.momypedia.com/

8/26/2553

แครอทบดเนื้อปลา

แครอทบดเนื้อปลา
เมนูสำหรับเด็กวันนี้ขอเสนอเมนู แครอทบดกับเนื้อปลา เมนูนี้ลูกรักจะได้สารอาหารคือ โปรตีนจากเนื้อปลาทะเลซึ่งจะย่อยง่ายและแครอทที่มีเบต้าแคโรทีนสูง และช่วยบำรุงสายตาให้ลูกรัก



แครอทบดเนื้อปลา



ส่วนผสม
เนื้อปลาเก๋า 3 ช้อนโต๊ะ
แครอทลวกสุก 1 ช้อนโต๊ะ



วิธี ทำ
1 น้ำเนื้อปลาเก๋ามาลวกให้สุก
2 ยีให้ละเอียดผสมกับแครอทลวกสุก
3. รับประทานพร้อมข้าวต้มหุงนิ่ม หรือข้าวสวยหุงนิ่ม

**เคล็ดลับ



ต้มปลาไม่ให้คาว ต้องเริ่มตั้งแต่ขอดเกล็ด ควักไส้ออกให้หมด และล้างปลา
ให้สะอาด อาจจะทาเกลือลงไปก่อนแล้วก็ล้าง เวลาต้มให้ต้มในน้ำเดือด
ทุบขิงหรือหัวหอมใส่ลงไปด้วยก็ได้

8/17/2553

ทอดมันเด็ก

ทอดมันเด็ก
ทอดมันเด็ก
ทอดมันนี้เป็นเมนูสำหรับเด็ก ที่ไม่เน้นรสชาติจัดจ้านเหมือนอาหารผุ้ใหญ่ เป็นเมนูอาหารว่างให้เด็กได้หยิบกินได้ง่ายๆสะดวก เหมาะสำหรับให้ลูกน้อยหยิบอาหารเองเข้าปาก ฝึกพัฒนาการด้านการกินอาหารให้ลูกได้ดี ทอดมันเด็กมีวิธีทำที่ไม่ยุ่งยากลองทำให้ลูกรักทานเองได้

ส่วนผสมทอดมัน
เนื้อกุ้งสับละเอียด 1 ช้อนโต๊ะ
เห็ดหอมสับละเอียด 1 ช้อนโต๊ะ
มันฝรั่งหั่น 2 ช้อนโต๊ะ
แป้งสาลี 1 ช้อนชา
ซีอิ๊วขาวเล็กน้อย

วิธีทำ
1. ต้มมันฝรั่งให้สุกดีก่อน จึงนำมาสับหรือบดให้ละเอียด
2. นำเนื้อกุ้งมารวนให้สุกก่อน จากนั้นนำเห็ดหอมกับมันฝรั่งมาผัดรวมกันจนเห็ดหอมสุก
3. ปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาว ทิ้งไว้ให้เย็น
4. นำส่วนผสมมาผสมกัน แล้วปั้นเป็นก้อนๆ ให้เหมาะกับขนาดมือลูกน้อย โรยแป้งสาลีเล็กน้อย แล้วนำไปทอดในกระทะให้สุกเหลืองทั้ง 2 ด้าน

***อาจจะเติมนมสดขณะต้มมันฝรั่งลงไปด้วยสักเล็กน้อย จะทำให้สีมันฝรั่งน่ากินและเพิ่มคุณค่าทางอาหารมากยิ่งขึ้น

8/11/2553

โจ๊กไข่แดง

โจ๊กไข่แดง
โจ๊กไข่แดง
วันนี้ขอเสนอ เมนูสำหรับเด็ก เมนูโจ๊กไข่แดงอาจจะดัดแปลงใช้วิธีตุ๋นข้าวกับไข่ เพื่อฝึกให้ลูกรัก หัดการเคี้ยวอาหาร อาจจะเพิ่มผัดที่ลุกชอบกินลงไปด้วยก็จะยิ่งทำให้อร่อยมากขึ้น
ส่วน ผสม
ปลายข้าว 2 ช้อนโต๊ะ
ไข่ไก่ 1 ฟอง
น้ำเปล่า 2 ถ้วยตวง

วิธีทำ
1.ต้มไข่ จนไข่แดงสุกแข็ง นำแต่ไข่แดงมาใช้
2.ต้มปลายข้าว เคี่ยวจนข้าวสุกเละ อาจจะเพิ่มผักลงไปด้วย เช่น แครอท ต้นหอมสับ ใบผักชี
3.ใส่ไข่แดงต้มสุกที่บดละเอียดลงไป แล้วคนให้เข้ากันกับข้าว

8/05/2553

แกงจืดสาคู



แกงจืดสาคู
เมนูสำหรับเด็ก วันนี้ขอเสนอเมนูแกงจืดสาคู เป็นเมนูง่ายๆ ที่ให้คุณค่าทางสารอาหาร ดดยเฉพาะโปรตีนสูง และสีสันน่าตา น่ากิน ดึงดูดความสนใจลูกน้อยได้ดีทีเดียว คุณแม่ลองทำให้ลูกทานเองที่บ้านได้นะครับ

ส่วนผสม
เนื้อหมูบด 1/2 ถ้วย
น้ำต้มกระดูกหมู 4 ถ้วย
สาคูเม็ดเล็ก 1/2 ถ้วย
ต้นหอมผักชี
ผักกาดหอม

วิธีทำ
1 ล้างสาคู โดยการคนเร็วๆ ในน้ำมากๆ เพื่อให้ทรายที่อยู่ในสาคู นอนก้นจากนั้น ตักสาคูใส่ในหม้อต้มน้ำที่กำลังเดือดๆ หมั่นคนบ่อยๆ จนสาคูสุก จะสัง เกตุจากเม็ดสาคูเริ่มใส มีไตสีขาวเล็กน้อย ตักขึ้นข้างด้วยน้ำเย็นพักไว้

2. ตั้งน้ำซุปกระดูกหมูให้เดือด จากนั้นใส่หมูสับที่ปั้นเป็นก้อนเล็กพอดีคำลูก พอน้ำเดือดทั่วและหมูสุก ใส่สาคู ปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาวเล็กน้อย

3. ตักใส่ชามที่ปูรองด้วยผัทกาดหอมฉีกชิ้นเล็ก โรยหน้าด้วยต้นหอมผักชีเล็กน้อย พร้อมเสิร์ฟให้ลูกรักได้เลย

****อาจจะใช้เนื้อปูแกะหรือ เนื้อกุ้ง แทนเนื้อหมู เมนูนี้ให้พลังงาน 324 กิโลแคลอรี

7/27/2553

วิธีแก้ ลูกเลือกกินอาหาร


วิธีแก้ ลูกเลือกกินอาหาร
เด็กเมื่อเติบโตถึงช่วงวัยหนึ่ง ความเป็นตัวตนของเขาจะมีมากขึ้น บางครั้งการปล่อยให้เด็กเลือกกินอาหาร
จะทำให้ลูกน้อยขาดสารอาหารที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของร่างกายและพัฒนาการทางสมอง เพราะเด็กมีแนวโน้มที่จะเลือกกินแต่อาหารที่ไม่มีประโยชน์ ถ้าลูกน้อยเป็นเด็กช่างเลือก เรามีวิธีจัดการกับเรื่องนี้อย่างไร

1. ลองจัดรูปแบบอาหารให้หลากหลาย เมนูสำหรับเด็ก เช่น ต้ม นึ่ง ทอด ย่าง ผัด และทำให้มีรูปร่างลักษณะของอาหารให้น่าสนใจ อาจจะมีรูปทรงดึงดูดความสนใจของเด็ก เช่น รูปยาว กลม สี่เหลี่ยม เป็นต้น
2. พ่อแม่ต้องเป็นตัวอย่างที่ดีในเรื่องการกินอาหารที่ลูกไม่ยอมกิน อาจจะใช้วิธีกินด้วยกันกับลูก ชักชวนให้ลูกกิน โดยไม่มีการบังคับลูก หากพ่อแม่ยอมถูกหรือปล่อยเลยตามเลย ลูกก้จะติดนิสัยปฏิเสธอาหารที่มีประโยชน์เหล่านั้นเรื่อยไปจนโต
3. ทำให้เรื่องกินเป็นเรื่องสนุก ไม่ควรเร่งให้ลูกเสร็จเร็วๆ ไม่ควรให้ลูกกินมากๆ แต่ควรให้ลูกกินเพลินใจจะดีกว่า ปล่อยให้ลูกกินช้าๆ เล็มไปเรื่อยๆ
4. ถ้าลูกยืนกรานที่จะตักอาหารกินเอง ควรปล่อยให้ลูกพยายามใช้ช้อนตักอาหารด้วยตัวเอง ขอให้คิดเสมอว่า ถ้าอยากให้ลูกกินอาหารด้วยความชอบที่จะกิน และอยากให้ลูกกินอย่างมีอิสระ ต้องปล่อยให้ลูกทำเอง แม้ต้องเจอกับอาหารหกเลอะเทอะบ้างก็ตามเป็นเรื่องปกติของเด็กๆ
5. จัดอาหารให้มีลักษณะสีสันน่ากิน เพื่อดึงดูดความสนใจลูก บรรยากาศที่สงบและอบอุ่นก็มีส่วนช่วยให้การกินของลูกได้ง่ายขึ้น อาจจะลองจัดโต๊ะอาหารเป็นลายการ์ตูนน่ารักที่ลูกชอบ จะส่งผลให้ลูกรักสบายใจเวลากินอาหาร และกินได้มากขึ้น
6. ทำของกิน ให้ลูกจับกินได้ด้วยมือ จะทำให้เด็กสนใจในการกินอาหารมากขึ้น
7. สิ่งที่ควรรู้ คือ เด็กวัยนี้ส่วนมากชอบให้มีอาหารรูปแบบ ดิบ สุก (ผลไม้ ผัก )เปื่อยยุ่ยและเคี้ยวง่าย ทำให้อาหารบางอย่างหนึบหนับเคี้ยวสนุก
8. รสชาติของอาหารที่ลูกกินต้องไม่จัดจ้าน ควรปรุง ออกไปทางจืด หรือกลมกล่อม

วิธีสร้างนิสัยการกินที่ดีให้ลูก
1. แนะนำให้ลูกรู้จักอาหารใหม่ๆ ให้มากตั้งแต่ลูกยังเล็กโดยใช้ความพยายามโน้มน้าวใจลูกอย่างนุ่มนวล เพื่อให้ลูกชอบอาหารที่พ่อแม่ทำทุกอย่าง ลูกจะได้ไม่เป็นคนกินยากเกินไป
2. กระตุ้นให้ลูกลองกินอาหารใหม่ๆ โดยช่วงแรกอาจจะผสมปนไปกับอาหารที่ลูกคุ้นเคยก่อน ให้ลูกได้ทดลองกิน
3. คิดเสมอว่าไม่มีอาหารใดดีที่สุดอย่างเดียว อาหารทุกอย่างมีความสำคัญหมด ไม่ใช่ไข่ตุ๋นดีที่สุด ปลานึ่งดีที่สุด นั่นเป้นความคิดเห็นส่วนตัวของพ่อแม่ ลูกควรได้รับอาหารหลายอย่างชนิด เพื่อให้ได้คุณค่าครบถ้วนชึ่งจะทำให้ลูกเป็นเด็กที่มีนิสัยการกินที่ดีต่อไปในอนาคต
4. เด็กควรได้รับนมอย่างน้อยวันละ 1 แก้ว ถ้าลูกไม่ยอมดื่มนมเลย ควรให้ลูกกินนมแบบที่ผสมอยู่ในขนม หรืออาหารอื่น เช่น คุกกี้ เนย หรือน้ำซุป นิสัยชอบดื่มนมนี้ควรฝึกให้ลูกดื่มไปอีกเรื่อยๆ อย่างน้อยก็ถึงวัยรุ่นจึงจะดี เช่น เดียวกับการกินผักและผลไม้
5. ควรเลือกอาหารที่ดีต่อฟันของลูก อาหารที่ทำร้ายฟัน เช่น แป้ง น้ำตาล นมข้นหวาน ช็อกโกแลต โกโก้ น้ำหวาน น้ำผลไม้กล่องมักใส่น้ำตาลมากกว่าน้ำผลไม้คั้นสด ขนมปัง แยม เยลลี่ ไอศกรีม ขนมเค้ก คุกกี้ ลูกกวาด ลูกอม คาราเมล หรืออื่นๆ จะทำให้ฟันผุ ควรให้ลูกกินแต่น้อย และรีบแปรงฟันและบ้วนปากให้ลูกน้อยหลังจากกินอาหารเหล่านี้เสร็จ เพราะจะมีแป้งและน้ำตาล ติดตามบริเวณวอกฟันและผิวฟันของลูก และจะเปลี่ยนเป็นกรดทำลายผิวที่เคลือบฟัน เนื้อฟัน ทำให้ลูก ฟันเป็นรูและผุได้ง่าย

7/21/2553

เด็กวัย 14-15 เดือน


เด็กวัย 14-15 เดือน
พัฒนาการของเด็กช่วงวัย 14 เดือนนี้ เด็กเริ่มมีของชอบไม่ชอบ จะกินแต่อาหารที่ตัวเองชอบ
เพียงไม่กี่อย่าง อาหารที่ยังไม่เคยกินก็มักจะไม่ยอมลองกินและยืนกรานที่จะตักกินเอง อาจมีมื้อหนึ่งที่ลูกกินได้ดี และมื้อต่อไปกินได้มากขึ้น แต่พอมื้อที่ 3 กลับเมินหน้าหนี บางครั้งการช่วยเหลือ
ตัวเองของลูก เช่น การตักข้าวกินเองก็ทำให้เสื้อผ้าสกปรกเลอะเทอะ ไม่ควรแสดงท่าทางว่ารังเกียจความเลอะเทอะของลูกมากจนลูกเกิดความรู้สึกผิด กลายเป็นเรื่องปิดกั้นการเรียนรู้ของลูก เพราะ
การที่ลูกสวมใส่เสื้อผ้าสะอาดตลอด หมายถึงลูกต้องไม่ต้องไปเล่นหรือไม่ทำอะไร ซึ่งจะไม่ส่งผลดีต่อพัฒนาการของลูก ควรหาเสื้อผ้าที่ราคาไม่แพงนัก ซักง่าย ทำความสะอาดไต้ง่ายมาให้
ลูกใส่ เมื่อลูกทำเลอะจะได้ไม่เสียดายมาก

ทักษะของเด็กวัยนี้
กินวันละ 3 มื้อ สามารถถือแก้วน้ำดื่มได้เอง ใช้ช้อนตักอาหารได้เองโดยไม่ต้องช่วย ชอบตักอาหารกินเอง แต่มักจะละเลงไปทั่วใบหน้า ผ้ากันเปื้อน และโต๊ะที่นั่ง

เด็กวัย 15 เดือน
พัฒนาการของเด็กอายุ 15 เดือน มักติดใจกับรสอาหารบางรสและมักติดรสอาหารดังกล่าวไปเกือบตลอดชีวิต ถ้าหากจะกระตุ้นทางประสาทด้านการรับรสของลูกเพื่อให้ลูกรู้จักอาหารรสชาติต่างๆ ควรระวังการ
ให้อาหารรสหวาน อย่างเช่น ทอฟฟี่ ลูกอม ขนมหวาน และของกินจุบจิบ เพราะเด็กมีแนวโน้มที่จะชอบของหวานอยู่แล้ว นอกจากนี้อุปนิสัยการกินของพ่อแม่ก็มีส่วนต่อการกินของลูก ถ้าพ่อแม่เป็นคนชอบกินจุบจิบ กินของหวาน ของที่ไม่ค่อยมีประโยชน์ ลูกก็จะมีแนวโน้มจะมีนิสัยชอบกินของเหล่านั้นได้ง่ายเช่นกัน พ่อแม่ต้องเข้าใจ และเลือกเมนูสำหรับเด็กให้ถูกกับช่วงวัย

ทักษะของเด็กวัยนี้
พูดตามคำของ่ายๆ ได้ เช่น ขอขนม เอาน้ำ ถือแก้วน้ำกินเองได้หกเพียงเล็กน้อย ใช้ช้อน
ตักข้าวกินเองได้แต่หกบ้าง บางคนเลิกดูดขวดนมแล้ว แสดงออกให้รู้ว่าต้องการอาหารเพิ่ม โดยการชี้นิ้วหรือส่งเสียงบอกให้รู้

7/13/2553

โจ๊กใบตำลึง

โจ๊กใบตำลึง

ตำลึงนั้นมีประโยชน์มากมาย คุณค่าทางด้านโภชนาการ ยอดของตำลึงใช้ปรุงอาหารได้ ในตำลึง 100 กรัม ประกอบไปด้วยโปรตีน 3.3 กรัม วิตามินบี1 0.17 มิลลิกรัม แคลเซียม 126 มิลลิกรัม ฟอสฟอรัส 30 มิลลิกรัม ธาตุเหล็ก 4.6 มิลลิกรัม ไนอาซีน 1.2 มิลลิกรัม วิตามินซี 13 มิลลิกรัม กากใยอาหาร 2.2 กรัม และเบต้าแคโรทีนสูงถึง 699.88 ไมโครกรัม มากกว่าฟักทองและมันเทศซึ่งมีเบต้าแคโรทีนเพียง 225 และ 175 ไมโครกรัม ตามลำดับต่อปริมาณ 100 กรัม เท่ากัน ดังนั้นเราควรนำยอดอ่อนของใบตำลึงมาทำเป็นเมนูสำหรับลูกรัก เพื่อให้ได้รับวิตามิน ที่จำเป็นต่อร่างกาย อีกทั้งยังช่วยระบบขับถ่ายของลูกให้เป็นปกติ วันนี้จึงขอเสนอเมนูสำหรับเด็ก นั่นคือ

เมนูโจ๊กใบตำลึง


ส่วนผสม
. ข้าวตุ๋น
. ใบตำลึงอ่อนสับละเอียตเอาแต่ส่วนใบ
. ไข่แดงต้มสุก
. น้ำซุปกระดูกหมูหรีอโครงไก่(กรองดีๆอย่าให้มีกระดูกปนมา)

วิธีทำ
. ต้มน้ำซุปให้เดือด จากนั้นใส่ข้าวตุ๋นลงไป ตามด้วยไข่แดง
. เคี่ยวขาวตุ๋นกับไข่แตงจนเป็นเนื้อ เดียวกัน หมั่นคนเรื่อยอย่าให้ไหม้
. ใส่ใบตำลึงอ่อนสับละเอียด เคี่ยวจนสุกนิ่ม
.พร้อมเสิร์ฟให้ลูกน้อย

7/06/2553

อาหารกับพัฒนาการของเด็กในแต่ละวัย

อาหารเด็ก มีความสำคัญต่อพัฒนาการของเด็กโดยแต่ละช่วงของวัย ต้องการอาหารที่แตกต่างกันออกไป
หลังขวบปีแรกขึ้นไปลูกน้อยก้าวเข้าสูู่วัยเตาะแตะ อัตราการ เจริญูเติบโตเริ่มลดลง ความปรารถนา ความสนใจ และความอยากรู้ อยากเห็นเกี่ยวกับอาหารจงชะลอตามไปค้วย ช่วงวัยนี้ลูกจะชอบเติน
ชอบเคลื่อนไหวไปมาอยู่เกือบตลอดเวลา อีกทั้งยังมีความเป็น ตัวของตัวเอง และชอบที่จะแสดงความรู้สึกปฏิเสธกับการถูกบังคับ

เด็กวัย 12 เดือน
เด็กวัยนี้ จะสามารถกินอาหารแบบผู้ใหญ่ได้ตั้งแต่อายุประมาณ 1 ปี แต่อาหารนั้นควรสุกนิ่มพอควร และมีขนาดเหมาะกับความสามารถในการเคี้ยว ความสะดวกในการตักเข้าปาก จึงควรให้ลูกได้กินอาหารให้สอดคล้องกับพัฒนาการ ไม่ควรให้ลูกกินอาหารบดหรือสับละเอียดเหมือนช่วงที่ผ่านมาเหมือนเดิม ช่วงนี้แคลอรี่ ในร่างกายลูกถูกเผาผลาญอย่างหนักเพราะลูกทำกิจกรรมได้มากขึ้น มีอิสระที่จะเดินไปมาได้มากขึ้น น้ำหนักไม่เพิ่มขึ้นเหมือนก่อน อาจลดลงไต้ทั้งที่ยังกินอาหารได้ตามปกติ วัยนี้ยังชอบปฏิเสธและทำตัวเหมือนคนมีหลักเกณณ์ชอบถือสิทธิ์ที่จะทำสิ่งใดต่างจากคนอื่น คุณแม่จึงไม่ควรกะเกณฑ์ให้ลูกกินให้ครบตามกำหนดทั้ง 3 มื้อ แต่สิ่งที่ควรทำ คือ พยายาม
หาอาหารที่มีประโยชน์สูงสุตมาชดเชยให้ลูกแทน

ทักษะของเด็กในวัยนี้
เด็กวัยนี้สามารถหยิบอาหารที่เป็นชิ้นเล็กๆป้อนตัวเองได้ ถือขวดนม และดูดจากขวดนมได้เอง
ดื่มจากถ้วยได้เอง แต่จะหกบ้าง ใช้ช้อนไต้ แม้ส่วนใหญ่จะทำหกไปก็ตาม เมนูสำหรับเด็กวัยนี้จึงต้องสอดคล้องกับพัฒนาการของลูกน้อย